วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ระบบเครือข่าย

ควมหมายของคำว่าระบบเครือข่าย

· มีผู้ให้ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไว้ หลายท่าน เช่น
ฟรีสแมน (Freedman, 1996) ได้ให้ความหมายของระบบเครือข่ายว่า หมายถึง

(1) การจัดลำดับขององค์ประกอบที่มีความเชื่อมโยง (2) การสื่อสารที่มีช่องทางในการรับส่ง

ข้อมูลระหว่างผู้ใช้และเซอร์ฟเวอร์ที่มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน

มาแรน (Maran, 1996) ให้ความหมายของระบบเครือข่ายว่า หมายถึง แหล่งรวม

ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อถึงกันและกันเพื่อที่จะใช้ข้อมูลสารสนเทศร่วมกัน

งามนิจ อาจอินทร์ (2542) ให้ความหมายของคำว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ว่า

หมายถึง กลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและ

ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ดิสค์ เทป เครื่องพิมพ์ ฯลฯ ร่วมกันได้ ซึ่งในแต่ละหน่วยงานทั้งในภาครัฐ

หรือเอกชน ที่มีการติดตั้งเครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่างก็ต้องรับผิดชอบเครือข่ายของตน

พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ (2542) ให้ความหมายของคำว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ว่า

หมายถึง กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ใน

เครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนไฟล์และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครือข่ายได้

นฤชิต แววศรีผ่อง (2543) ให้ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ว่า

หมายถึง การต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ

ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้

ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือ กลุ่มของ
คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสาร หรือสื่ออื่นใด

ที่ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่าย

ร่วมกันได้

http://www.skn.ac.th/a_cd/syllabus/74.html

· เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำ
มาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสารหรือสื่ออื่นใด ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้

อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่ายร่วมกันได้

http://www.skn.ac.th/a_cd/content/74.html

· ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( Computer Network ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้

http://tc.mengrai.ac.th/paisan/e-learning/internet/page11.htm

หลักการติดตั้งระบบเครือข่ายแบบไร้สาย

ในการติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สาย จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พื้นฐานดังนี้

1. Network Interface Card (สำหรับเครื่องแม่hvjlkj
2. Wireless Network Interface Adapter (หนึ่งการ์ด สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละตัว)
3. สาย CAT-5 Ethernet จำนวนหนึ่ง, และไม่ใช้สายไขว้ (หนึ่งเส้นสำหรับใช้เชื่อมต่อเครื่องแม่เข้ากับ Wireless Access Point; เส้นที่เหลือ สามารถใช้ต่อเข้ากับ Wireless Access Point เข้ากับโมเดม หรืออุปกรณ์ในระบบเครือข่านอื่นๆ เช่น Network Printer.)
4. Wireless Network Access Point/Router.

หมายเหตุ:
มีมาตรฐาน 802.11 ทั้งหมด 3 แบบ สำหรับ IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) ในการใช้งานระบบ Wireless Networking. โดยมาตรฐานดังกล่าวมี IEEE802.11a, IEEE802.11b และ IEEE802.11g. ซึ่งมาตรฐานแต่ละแบบมีข้อดีแตกต่างกัน, โปรดแน่ใจก่อนว่า คุณใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ Wireless Network Interface Adapter รองรับ และทำความเข้าใจระบบการทำงาน ก่อนจะเลือกใช้มาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง

การตั้งค่าการเชื่อมต่อ
ก่อนจะเริ่มขั้นตอนเชื่อมต่อระบบ, โปรดอ่านและทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่มากับ Wireless Access Point.
จากนี้ไป เป็นขั้นตอนคร่าวๆ ในการติดตั้ง:

1. เสียบสาย Ethernet ระหว่างเครื่องแม่และ Wireless Access Point.
2. เปิด Access Point และเปิดเครื่องแม่
3. เรียกโปรแกรม Network Configuration Utility Setup บนเครื่องแม่ เพื่อทำการตั้งค่า Access Point. อ้างอิงวิธีการตั้งค่าจากคู่มือการใช้งานที่มากับ Access Point.
4. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สอง, ติดตั้ง Wireless Network Interface Adapter แล้วทำตามขั้นตอนที่อยู่ในคู่มือการใช้งานที่มากับตัว Adapter แล้วทำการตั้งค่า Wireless Communication ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ Access Point.
5. ทำขั้นตอนที่ 4 ซ้ำอีก หากมีต้องการเพิ่มเครื่องคอมพิวเตเอร์ที่เชื่อมต่อเข้าระบบเครือข่าย
6. หลังจากที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดติดตั้งเข้ากับ Access Point ในระดับสัญญาณคงที่แล้ว, ให้ทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ระบบเครือข่ายอื่นๆ เช่น ADSL/Cable Modem หรือ Printers เข้ากับ Access Point ให้เรียบร้อย
หมายเหตุ: อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง สามารถใช้งานร่วมกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่อยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกันได้

การจัดการที่ดีในระบบรักษาความปลอดภัยใน Wireless Networking
ข้อเสียของระบบเครือข่ายไร้สายคือเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย เป็นเพราะสัญญาณที่ส่งออกไปนั้น เสี่ยงต้องการถูกเจาะข้อมูลได้ง่าย หากระบบเครือข่ายไม่มีการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก ในการดูแล, Wireless Access Point ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติในการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลและลักลอบตรวจสอบข้อมูลในระบบเครือข่าย

ด้วยการทำงานที่รัดกุม, เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยป้องกันจากการลักลอบจากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการใช้งานได้.
1. เปลี่ยนพาสเวิร์ดสำหรับ Wireless Access Point อยู่เสมอ
2. หากไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม ในการใช้งานเครือข่ายไร้สาย, ให้ทำการจำกัดการใช้งาน โดยระบุ IP Address หรือ MAC Address ที่ใช้เชื่อมต่อเข้ากับ Access Point
3. เปิดการใช้งาน Web Encrypted Password หรือ Security Key ใน Access Point. จดรายละเอียดข้อมูลที่ใช้ในการเชื่อมต่อ ระหว่าง Access Point และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานเท่านั้น

โปรดเลือกตัวเลือกหลังจากอ่านวิธีการด้านบนแล้ว

วิธีการนี้ช่วยแก้ไขปัญหาของฉัน

วิธีการไม่สัมพันธ์กับหัวข้อ

รายละเอียดในการแก้ไขไม่เพียงพอ

วิธีการนี้ยากหรือซับซ้อนเกินไป

วิธีนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของฉันได้


วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

10 อันดับมนุษย์กินคน

10) อัลเฟร็ด แพคเกอร์ - สหรัฐอเมริกา

อัลเฟร็ด แพคเกอร์ เป็นนักขุดทองชาวสหรัฐอเมริกา เขาถูกตัดสินกระทำผิดฐานเป็นมนุษย์กินคน จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1874 ตอนนั้น อัลเฟร็ด แพคเกอร์ และคณะ 5 คน ได้เดินทางไปเทือกเขาโคโลราโดที่แสนหฤโหดและสภาพอากาศเลวร้าย แต่ว่ากันว่าที่นี้มีแร่ทองคำอยู่มากมายมหาศาล เหมาะอย่างยิ่งจะขุดทองเพื่อรวยทางลัด

อัลเฟร็ด แพคเกอร์ และคณะเดินทางไปที่นั้น จากนั้นสองเดือนต่อมา เขากลับจากที่นั้นเพียงคนเดียว ทำให้คนอื่นๆ ตั้งคำถามว่า “อีก 5 คนหายไปไหน” อัลเฟรดบอกว่า “ฉันกินพวกเขาเองแหละ” พอดีตอนไปถึงสภาพอากาศเหลวร้ายมากๆ และอาหารเริ่มหมด เลยมีการต่อสู้เพื่อแย่งอาหาร เขาฆ่าคนอื่นเพื่อป้องกันตัวเอง และถูกบังคับให้กินเนื้อคนที่ตายเพื่อรอดชีวิต เรื่องราวของเขาดูไม่เหมือนน่าเชื่อ แต่การตรวจสอบศพแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ร่องรอยบนกระดูกเห็นได้ชัดว่าสี่คนถูกตีจนตายด้วยด้านขวานและมีร่อยรอยการใช้มีดแล่เนื้อออกอย่างระมัดระวัง เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสั้นๆ และถูกปล่อยตัวออกมา และปัจจุบันมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อัลเฟร็ด แพคเกอร์ เพื่อระลึกถึงโศกนาฏกรรมของเหตุการณ์ในครั้งนั้น
9) อัลเบิร์ต ฟิช - นิวยอร์ค
ในปี 28 พฤษภาคม 1928 ที่อพาร์เมนต์ของครอบครัวบัดด์ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มีชายชราแต่งตัวดีคนหนึ่งแนะนำตนว่าเป็นเจ้าของฟาร์ใหญ่ที่ลองไอส์แลนด์ และสนใจอยากจะหาลูกมือสักคนมาช่วยงานเขา ครอบครัวบัดด์เชื่อใจคนแก่คนนั้นจนกระทั้งวันหนึ่งพวกเขาได้ให้ลูกสาวเกรซ บัดด์อายุ 10 ขวบ ไปกับชายชราที่อ้างว่าจะเธอไปงานเลี้นงหลานสาวของเขาด้วย
โดยหารู้ไม่ว่านี้คือครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวบัดดด์เห็นลูกสาวตอนยังมีชีวิตอยู่ เพราะเด็กน้อยหายตัวไป และตอนนี้เธอก็ถูกฆ่าและถูกนำไปทำอาหารอยู่ในท้องของชายชราคนนั้นเรียบร้อยแล้ว.....
ชายชราคนนั้นก็คือ อัลเบิร์ท ฟิช เป็นฆาตกรต่อเนื่อง เขาถูกจับในเวลาต่อมาเมื่อเขาส่งจดหมายให้ครอบครัวบัดด์โดยบอกว่า “เขากินลูกสาวของพวกเขาแล้ว มันอร่อยมากๆ” นอกจากนี้เขายังสารภาพอีกด้วยว่าเขาเคยย้ายบ้านมาแล้วกว่า 23 รัฐ และในแต่ละรัฐได้ก่อคดีฆาตกรรมไว้อย่างน้อยรัฐละ 1 ครั้ง เหยื่อของเขาเป็นเด็กชายหญิงซึ่งจากปี 1910 ถึง 1934 เขาได้สังหารไปกว่า 400 คนเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอัลเบิร์ทพูดจริงแค่ไหน เขาถูกประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 16 มกราคม 1936
8) กลุ่มอาร์ยูเอฟ
ใครเคยดูภาพยนต์เรื่อง Blood Daimond คงทราบถึงความโหดร้ายของ กลุ่ม Revolutionary United Front (RUF) เป็นอย่างดี กลุ่ม อาร์ยูเอฟ (RUF Revolutionary United Fronts) เป็นกลุ่มกองกำลังปฏิวัติในเซียร์ราลีโอนก่อตั้งโดยโฟเดย์ แซนโกห์ เป็นนักรบเก่าในกองทัพโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะแย่งชิงความมั่งคั่งคืนจากชาวยุโรปที่เข้ามากอบโกย และคว่ำรัฐบาลคอรัปชั่นของประเทศตัวเอง นั้นเป็นจุดเริ่มต้นการเกิดสงครามการเมืองสุดมหาโหด เพราะส่วนใหญ่วีกรรมของกลุ่มนี้ก็ดีๆ ทั้งนั้น เพราะจะฆ่าชาวบ้านตาดำๆ ผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน วันดีคือดีพวกมันจะรบแบบกองโจร บุกเข้ามาในเมือง หรือไม่ก็หมู่บ้านคนธรรมดา แล้วให้เด็กใช้ปืนยิงชาวบ้าน แบบปูพรม.....เพื่อสังหารทหารรัฐบาลดะ ทำลาย ฆ่าชาวบ้าน ปล้น จี้ ข่มขืน ฆ่าผู้ใหญ่ต่อหน้าเด็ก รวมทั้งเอาเด็กอายุ 6 ขวบ (ขึ้นไป) เอาไปเป็นกองทัพสัตว์นรกหากใครไม่เข้าพวกยิงทิ้งทันที หรือไม่ก็ตัดแขนตัดมือ ส่วนผู้หญิงจะนำไปเป็นบำเรอกามเพื่อการข่มขื่นซ้ำซ้อนอย่างทารุณ(ผู้หญิง 75 เปอร์เซ็นต์ในประเทศ มีประวัติถูกข่มขื่น) นอกจากนี้ยังมีการกินเนื้อคนในหมู่บ้านอีก...เนื่องจากเป็นความเชื่อของกลุ่มว่ากินเนื้อศัตรูจะทำให้แข็งแกร่งขึ้นและเป็นเครื่องที่สร้างความหวาดกลัวต่อผู้คนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
7) อิสเซ ซากาวะ - ญี่ปุ่น “ผมไม่ได้อยากจะฆ่า ผมเพียงแต่อยากจะกินเธอเท่านั้นเอง"

ข้างต้นนี่คือประโยคที่อิสเซ ซากาวะ พูดไว้หลังถูกจับกุมคดีฆาตกรรมเพื่อนหญิงสาวและนำเนื้อมาทำอาหาร

ติดอันดับอีกแล้ว พ่อยุ่นคนนี้ ฆ่าคนแค่คนเดียวแต่พี่แกดังไปทั่วโลกเลยนะเนี้ย ได้อันดับ 1 ฆาตกรที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ แล้วยังติดสุดยอดคนกินคนอีก อิสเซ ซากาวะ ขณะที่ก่อเหตุนั้นเขาอายุ 16 ปี เขาเป็นเด็กทุนได้เรียนที่ปารีส ที่มีความฝันว่าเขาอยากจะกินคนสักครั้งในชีวิต และวันนั้นก็มาถึงเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1981 (วันเกิดครบ 32 ปีของเขา)ซาคาว่าเชิญเรนี ฮาร์เทเวลท์นักศึกษาชาวดัชต์มาที่ห้องพักของเขาโดยอ้างว่าต้องการจ้างเธอมาอ่านบทกวีภาษาเยอรมันให้ฟัง และเมื่อเธอมาถึงและเมื่อเธอหันหลัง เขาก็ใช้ปืนยิงที่ศีรษะของเรนี จนเสียชีวิต จากนั้นก็ข่มขื่นและแล่เนื้อเธอออกเอามาทำอาหารและกิน ใช้เวลา 2 วันเพื่อทดลองว่าเนื้อของคนในส่วนไหนอร่อย เขาปรุงรสด้วยเกลือ พริกป่นและพริกไทย เขาถูกจับได้ในเวลาต่อมาหลังจากเอาศพเรนี ไปทิ้ง เขาตัดสินว่ามีความบกพร่องทางจิตจนไม่สามารถรับผิดชอบคดีได้ เขาถูกตัดสินให้ต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตจนตลอดชีวิต จะอย่างไรก็ดี ซาคาว่าเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอังรีโครันเป็นเวลา 14 เดือนก่อนจะถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่น ที่โตเกียวนั้น พ่อของเขาก็วิ่งเต้นจนเขาออกมาสู่สังคมภายนอกในที่สุด

ปัจจุบัน อิสเซ ซากาวะ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระเท่าที่ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจะสามารถมีได้ เขาออกหนังสือหลายเล่มและเคยได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ในฐานะแขกกิตติมศักดิ์หลายครั้ง

6) อันเดร ซิกาทิโล - รัสเซีย

อันเดร ชิกาทิโล เป็นฆาตกรต่อเนื่องฆาตกรที่โหดร้ายที่สุดของรัสเซีย ที่สังหารเด็กและผู้หญิงกว่า 50 คน ใน รอสตอฟ (โซเวียตเก่า) เขาก่อนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 1978-1990 เขาเป็นชายไร้สมรรถภาพทางเพศ แต่เขาไปถึงจุดสุดยอดได้เมื่ออีกฝ่ายขัดขืน หรือหวาดกลัว ดังนั้นเวลาจะทำการฆาตกรรมทุกครั้งเขามักจะเล่นกับศพเหยื่อเพื่อให้ถึงจุดสุดยอดทุกครั้ง ไม่ว่าจะแทงศพเหยื่อด้วยมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ้างก็ถูกควักลูกตา หลายศพถูกเฉือนอวัยวะภายในและอวัยวะเพศไปเพื่อกิน บางครั้งก็นำกลับไปประกอบอาหารที่บ้าน และบางครั้งที่กินสดๆเลยก็มี อันเดร ชิกาทิโล ถูกปล่อยให้ลอยนวลอยู่ถึง 12 ปี จนกระทั่ง 20 พฤศจิกายน 1990 จิกาทีโล่ก็จับกุมในที่สุด 14 เมษายน 1992 อันเดร ชิกาทิโล ก็ขึ้นศาล แต่เขาไม่สนเรื่องการพิจาณาคดีในศาลเลย เขาเอาหนังสือโป๊มาอ่านระหว่างการขึ้นศาล เดี๋ยวก็ร้องเพลงชาติรัสเซีย เดี๋ยวก็ร้องเรียนให้จัดหาล่ามภาษายูเครน แล้วอยู่ๆก็กระโดดขึ้นมาถอดกางเกงของตนพร้อมกับร้องท้าทายผู้เข้าฟังคดี ซึ่งการกระทำเหล่านี้สร้างความโกรธแค้นให้กับญาติของผู้เคราะห์ร้ายเป็นอย่างมาก ทำให้ศาลต้องเอาตัว อันเดร ชิกาทิโล โล่ไปขังกรุง เพื่อป้องกันการถูกรุมประชาทัณฑ์ แล้วในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1994 อันเดร ชิกาทิโล ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้ารวมอายุเมื่อเสียชีวิต 57 ปี
5) ครอบครัว Mauerove
ครอบครัว Mauerova เป็นครอบครัวสมาชิกบูชาลัทธิกินเนื้อคนจากสาธารณรัฐเชค พวกเขาออกอาละวาดฆ่าคนเพื่อกินคน(เน้นเด็กและทารก)ในระยะเวลา 8 เดือน นอกจากนี้ยังมีการถ่ายวีดีโอศพเด็กที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ในตู้เย็นอย่างน่าสยดสยอง โดยมีแม่เป็นพวกหน้ากลุ่ม สมาชิกทั้งหมด 6 สมาชิกประกอบไปด้วยแม่ Klara Mauerova อายุ 34 ปี Skrlova Barbaracและพี่ชาย และยังนมีเด็กสองคนคือ Ondrej Mauerova อายุ 8 ปี และ Jakub Mauer อายุ 10 ปี ทุกคนถูกจับเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2007 ทั้งหมดถูกตัดสินจริง(ในเว็บไซต์มีการโหวดว่าพวกเขาทุกคนโดนประหารแล้วตกนรกหรือเปล่าผลปรากฏว่า 97 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าสมควร)

4) อาร์มิน เมเวส

อาร์มิน เมเวส ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ชาวเยอรมันวัย 42 ซึ่งได้รับฉายาว่ามนุษย์กินคนแห่งโรเธนบวร์ก เยอรมัน ถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต แต่รายนี้มาแปลกเพราะเหยื่อเป็นคนยินยอมให้ฆ่าและกินตัวเองได้

เรื่องราวจากในคดีจริงนั้น อาร์มิน เมเวส ได้ใช้มุมมืดของไซเบอร์สเปสเป็นที่หาเหยื่อประมาณว่าทิ้งข้อความว่า “ต้องการหาเหยื่อเหยื่อ" ที่เป็นชายมีอายุระหว่าง 18-25 ปี ให้มาพบแล้วจะกินเป็นอาหาร สนใจติดต่อมาที่ XXX) จนกระทั้งได้พบกับเหยื่อของเขาคือเบิร์นด์ เจอร์เกน แบรนเดส (Bernd-Juergen Brandes ) ชายวัย 43 ปีซึ่งมีอาชีพเป็นผู้จัดการฝ่าย IT ในบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากที่ได้ตอบรับคำโฆษณาของเขาที่ฝากทิ้งไว้ในอินเทอร์เน็ต โดยผ่านทางการพบปะบนอินเตอร์เน็ตเมื่อปี 2001 แบรนเดส พูดว่าเขากำลังมองหาคนที่สามารถช่วยทำลายร่างกายของเขาให้สิ้นซากโดยที่ไม่ ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ ซึ่ง อาร์มิน เมเวส ตอบสนองโดยการใช้มีดแทงลำคอของเขา แขวนเขาเอาไว้บนตะขอแขวนเนื้อ หั่นศพของเขาออกเป็นชิ้นๆ และนำเนื้อบางส่วนมากิน ภายหลังศาลตัดสินให้เขาต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่า แบรนเดส เป็นคนที่ขอให้เขากินเนื้อของตัวเองก็ตาม คดีของอาร์มิน เมเวส ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และกระแสความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยถูกนำมาเขียนเอาไว้ในหนังสือหลายเล่ม นอกจากนี้ยังนำมาทำเป็นภาพยนตร์และแต่งเพลงอีกด้วย

3) เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์


22 กรกฎาคม 1991 เวลา 23.30น.รัฐวิสคอนซิน เมืองมิลวอกี้ อเมริกา ขณะที่นายตำรวจสายตรวจ 2 คนกำลังลาดตระเวณอยู่บริเวณดาวน์ทาวน์ มีชายผิวดำซึ่งใส่กุญแจมือไว้ยังมือข้างซ้ายวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ เมื่อตำรวจตามชายดังกล่าวไปยังออกซ์ฟอร์ดอพาร์ทเมนท์ ห้อง 213 ก็พบกับชายหนุ่มผิวขาวผมบรอนด์เปิดประตูออกมารับด้วยท่าทีสงบเงียบใจเย็น เขาแนะนำตัวว่าชื่อ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์

จากนั้นตำรวจก็รู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็นแปลก ๆ และพวกเขาก็พบที่มาของกลิ่นเหม็น.....หัวคนในตู้เย็น มีหัวคน 4 หัวกับชิ้นเนื้อและเครื่องในมนุษย์ที่ถูกแพ๊คไว้ในถุงพลาสติก ชั้นบนของที่วางของมีกระโหลกมนุษย์ 3 หัวเก็บอยู่ ส่วนชั้นล่างวางกระดูกชิ้นส่วนอื่นๆ ในกล่องกระดาษมีกระโหลกอีก 2 หัวและอัลบั้มภาพถ่ายอันสุดจะบรรยาย หม้อบนเตากำลังต้มส่วนศีรษะมนุษย์ 2 หัวซึ่งกำลังเปื่อยได้ที่ บนพื้นมีเศษผิวหนังกับนิ้วมือตกอยู่และในถังสีฟ้าซึ่งวางไว้ที่โถงประตู ภายในคือส่วนร่างกายมนุษย์ 3 คนซึ่งถูกทำให้ละลายด้วยกรดเกลือ

จากการตรวจสอบรูปถ่าย ตำรวจพบภาพสยองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่ถ่ายเป็นร่างของเหยื่อจะถูกตัดออกเป็นชิ้นเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ใส่ลงในอ่างน้ำ ผสม ทา ราดด้วยน้ำกรดและน้ำยาเคมี เนื้อถูกย่อยสลายส่งกลิ่นร้ายกาจเช่นเดียวกับกระดูกที่ถูกกัดจนเป็นสีดำกลิ่นน่าคลื่นไส้ และยังมีของสะสมต่างๆ เป็นกะโหลกที่ถูกทาสีเทาและองคชาติที่ตัดออกมาจากศพที่ดองเก็บไว้ในขวดแก้วบรรจุยาฟอร์มัลดีไฮด์ ส่วนหัวที่ตัดออกเขาเอาไปต้มหม้อจนเปื่อยยุ่ย จากนั้นลอกเนื้อหนังให้เหลือแต่กะโหลกแล้วทำความสะอาดให้สวยงามเหมือนของเล่นพลาสติก

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ถูกจับกุม และถูกตัดสินในข้อหาสังหารคนไป 17 ราย แต่เนื่องจากรัฐวิสคอนซินได้ยกเลิกโทษประหารไปแล้ว เจฟฟรีย์จึงถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต และในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1994 ก็ถูกนักโทษคนอื่นทุบด้วยท่อนเหล็กจนตายขณะรับเวรทำความสะอาด

2) เผ่าคาริบ




เผ่ากินคนนี้แหละครับที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า คานิบาลิสม์(Cannibalism) เป็นชนเผ่าที่คณะนักสำรวจคริสโตเฟอร์ โคลัมปัสและคณะไปพบเขาที่หมู่เกาะเวสท์ อินดิส ที่นั้นเขาได้พบชาวพื้นเมืองคาริบ ซึ่งเป็นเผ่ากินคนกินเป็นอาหาร

ทว่าคริสโตเฟอร์แกเป็นสเปนนะครับเขาสะกดชื่อชาวพื้นเมืองนี้ผิดจากคำว่า “คาริบ” กลับเขียนเป็น “คานิบส์” จากนั้นก็เพี้ยนมาเป็นคำว่า “คานิบาเลส” อันมีความหมายว่าดุร้ายกระหายเลือด และชาวอังกฤษก็เปลี่ยนคำนี้มาเป็น “คานิบาลิสม์” ในที่สุด ซึ่งความหมายจริงๆ ของมันนคือมนุษย์ที่ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเองอย่างโหดเหี้ยมทารุณวิปริตผิดแผกไปจากมนุษย์โดยทั่วไป

กลับมาที่เผ่าคาริบ เป็นเผ่าชาวอินเดียน เผ่านี้อยู่ในเกรนาดาเป็นเกาะภูเขาไฟเล็ก ๆ ในทะเลแคริบเบียน ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตรินิแดดและโตเบโก และเวเนซุเอลา และอยู่ทางทิศใต้ของเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ชาวอินเดียน เผ่าคาริบมีประเพณีกินเนื้อคน เวลาจับเชลยได้ ชาวอินเดียนเผ่านี้ก็จะใช้ไฟจี้ตามตัวจนเป็นแผลพุพองแล้วเอาพริกทา และเมื่อเชลยเสียชีวิตลงเนื้อของเชลยก็จะถูกแล่เอาไปปรุงด้วยพริกเป็นอาหาร

แม้จะยังไม่มีหลักฐานปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า การกระทำเช่นนี้มีจริงหรือเปล่า นักวิชาการบางคนกล่าวว่า เรื่องราวการกินเนื้อมนุษย์โดยชาวเผ่าคาริบ อาจเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นโดยนักล่าอาณานิคม เพื่อใช้เป็นข้ออ้างถึงความจำเป็นที่ต้องทำให้คนป่าทั้งหลาย ได้พัฒนาตนเองให้มีอารยธรรมเหมือนซีกโลกที่เจริญแล้ว

1) นักรักบี้ผู้หิวโหย


วันที่ 12 ตุลาคม 1972 นักเล่นลักบี้ทีม"โอลด์คริสเตียนส์"ของมหาวิทยาลัยสเตลล่ามาริสกับเพื่อนสนิทและครอบครัว(อีกหลายคนเป็นผู้โดยสารทั่วไปที่กำลังเดินทางไปเยี่ยมญาติ ลูกเรือ 3 คนและนักบินอีกสองนาย) พากับบินจากอูรุกวัยไปยังชิลีโดยเครื่องบินสายอุรุกวัย แฟร์ไชด์ FH-227D(Uruguayan Air Force Flight 571) ขณะที่แฟร์ไชด์กำลังบินอยู่เหนือเทือกเขาแอนเดส พวกเขาประสบกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนักจน เครื่องบินโดยสารประสบอุบัติเหตุตกลงไปเทือกเขาแอนดิสที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

มีผู้ถึงแก่ความตายทันที 13 ศพจากผู้โดยสารทั้งหมด 45 คน อีกหลายสัปดาห์ต่อมามีผู้บาดเจ็บจากเครื่องบินตกตายไปอีกหลายศพ ส่วนคนที่รอดหมดหนทางที่จะติดต่อจากโลกภายนอกได้ หิมะในบริเวณที่เครื่องตกนั้นมีความหนาถึง 15 เมตร ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร และไม่มีเครื่องมือรักษาพยาบาลหรือยาที่เพียงพอ ผู้ใหญ่ ประทังชีวิตด้วยช็อคโกแล็ตที่มีจำนวนจำกัดและน้ำที่ได้จากการละลายหิมะ เมื่อมีคนตาย พวกเขาก็ได้แต่ขนศพออกไปข้างนอกและฝังไว้ใต้กองหิมะ

วันที่ 9 นับจากเครื่องตก ความหิวโหยทำให้พวกเขาอ่อนแอลงจนอยู่ในขั้นอันตราย นักลักบี้คนหนึ่งได้เสนอให้กินศพเพื่อให้อยู่รอด มีหลายคนทำตาม หลายคนนำเนื้อมาย่างบนแผ่นฟอยล์ หลายคนกินดิบเพื่อให้ได้สารอาหาร และผู้ที่ไม่ยอมกินก็อดตายทีละคนสองคน สุดท้าย 72 วันนับจากเครื่องบินตกมี ผู้รอดชีวิตจำนวน 16 รายก็ได้รับการช่วยเหลือและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในซานดิเอโก้ในทันที และพวกเขาก็สารภาพสิ่งที่ได้กระทำลงไป (พวกเขาสารภาพกับคณะแพทย์และบาทหลวงไปเรียบร้อยแล้ว)

18 มกราคม 1973 กองทัพอากาศอุรุกวัยได้ส่งคนไปยังจุดที่เครื่องบินตกและรวบรวมศพผู้เสียชีวิตมาทำการฝังในที่นั้น พวกเขาตั้งกางเขนไว้เหนือหลุมศพแล้วจุดไฟเผาซากเครื่องบินที่เหลืออยู่

( http://www.unigang.com/Article/3947)



วิธีการConfig Access Point D-link DIR-600